เมื่อไหร่ก็ตามที่มีสมาชิกใหม่เข้ามาในทีม เป็นหน้าที่ของหัวหน้าและสมาชิกทุกคน ที่ควรต้อนรับเพื่อนร่วมงานหน้าใหม่อย่างอบอุ่น ไม่ว่าจะด้วยการทำความรู้จัก หาเรื่องพูดคุย และพยายามลดความเก้อเขิน ระหว่างกันเพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างก็คือ ‘พี่เลี้ยง‘ อาจต้องใช้กระบวนท่าหรือเทคนิคในการเทรนนิ่ง สอนงาน และถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้ ‘น้องใหม่‘ รู้งาน ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC ผู้นำด้านการพัฒนาองค์กรและบุคลากร เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต กล่าวว่า “หัวหน้า และลูกทีม บุคลากรทั้งสองกลุ่มมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัทและองค์กร กล่าวคือ ‘หัวหน้า’ เป็นคนกำหนดทิศทาง ปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ส่วน ‘ลูกน้อง’ ก็เป็นคนลงมือทำตาม ถ้าทั้งสองฝ่ายร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจ แต่ถ้าฟันเฟืองคู่นี้ดันหมุนคนละจังหวะ ก็มีแววว่าความหายนะอาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาวะผู้นำ (Leadership) คือประเด็นใหญ่และกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร”
5 เทคนิคสอนงาน “น้องคนใหม่” ให้เป็น “น้องคนเก่ง”
1. Learning by Doing – สอนงานด้วยการให้ลงสนาม หรือลองทำงานจริง ให้น้องใหม่ได้ลงมือทำ เพื่อเพิ่มทักษะในการจัดการปัญหาและเสริมความคิดสร้างสรรค์ และในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยซัพพอร์ตด้วยเช่นกัน
2. อย่าพยายามอัดทุกอย่างภายในครั้งเดียว – แต่ละคนมีจังหวะในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน บางคนเรียนรู้ไว บางคนต้องใช้เวลา ดังนั้นจึงค่อยๆ ป้อนความรู้และข้อมูล แบบไม่ยัดเยียด และอย่ารำคาญที่จะตอบคำถามหรือข้อสงสัยของน้องใหม่
3. ใจเขาใจเรา – ทำความเข้าใจว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลาและการสั่งสมประสบการณ์ ให้ลองนึกถึงตัวเราในช่วงที่เพิ่งเริ่มงานใหม่ว่ารู้สึกอย่างไร กล้าๆ กลัวๆ แค่ไหน ย้ำเตือนตัวเองว่าเราก็เคยเป็นน้องใหม่เช่นกัน
4. คิดแบบ Outward Mindset – เมื่อเจอข้อผิดพลาดระหว่างการสอนงานหรือเทรนนิ่ง อย่าเพิ่งมือไวใจเร็วดุน้องใหม่ (ทั้งๆ ที่เขาก็กดดันมากอยู่แล้ว) ให้นึกถึงใจเขาใจเรา มองว่าเป็นบทเรียน และช่วยกันแก้ปัญหาอย่างใจเย็น
5. อย่าลืมที่จะทำความรู้จักกัน – ชวนพูดคุยเล่น ชวนไปกินข้าวด้วยกันช่วงพักกลางวัน พยายามทำให้น้องใหม่รู้สึกว่าเขามีตัวตนอยู่ในทีมเพื่อสร้างความมีส่วนร่วมและเสริมบรรยากาศการทำงานที่ราบรื่นในทีม
การเป็น ‘พี่เลี้ยงที่เก่ง‘ สำหรับน้องใหม่ และเป็น ‘หัวหน้าที่ดี‘ สำหรับลูกทีมเดิมนั้น ไม่ได้วัดผลกันแค่ที่ “ชิ้นงาน” แต่ยังรวมถึงการปั้นทีมที่แข็งแรงและกลมเกลียวกันได้อีกด้วย
รู้จัก The e3 Leader คือ แนวคิดที่ว่าด้วยเรื่องของการสื่อสารผ่านบทสนทนาอันทรงพลัง (A Powerful Dialogue) โดยใช้คำพูดเป็นสื่อกลางเพื่อช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและแสดงออกถึงภาวะผู้นำเพื่อควบคุม บริหาร และจัดการการทำงานของทีมให้ประสบความสำเร็จได้ เรียกได้ว่า 3E คือเคล็ดลับที่จะช่วยเปลี่ยนคุณให้กลายเป็นสุดยอดผู้นำยุคใหม่ที่สามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายๆ
การมีคุณสมบัติแบบ The e3 Leader ที่ประกอบไปด้วย
#Engage การสร้างสัมพันธ์และเข้าใจสถานการณ์ของลูกน้องในทีม ด้วยคำพูดทรงพลังที่เข้าถึงใจคน
เชื่อหรือไม่ว่าคำพูดสามารถส่งผลกระทบต่อหัวใจของคนฟังได้แบบที่คุณเองก็คาดไม่ถึง คำพูดเพียงไม่กี่คำสามารถทำให้คนคนหนึ่งรูู้สึกนับถือและศรัทธาคุณได้ในทันทีหากคุณใช้มันอย่างถูกต้อง ดังนั้น เพื่อสร้างคำพูดที่ทรงพลังและสามารถเข้าถึงใจคนฟังได้ คุณต้องเริ่มจากการฟังด้วยความเอาใจใส่เสียก่อน ฟังให้เข้าใจตัวตนของผู้พูดให้ลึกซึ้ง แล้วคุณจะสามารถเข้าใจสถานการณ์ ปัญหาการทำงาน ความต้องการ จนสามารถเลือกสรรค์คำพูดที่ทรงพลังและสามารถเชื่อมโยงถึงใจของผู้ฟังได้
#Empower การสำรวจหาทางออกของปัญหา และสร้างความมุ่งมั่นให้ทีม ด้วยบทสนทนาที่ทุกคนมีส่วนร่วม
การจะสร้างแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นในการทำงานให้ทีมนั้น ผู้นำจำเป็นต้องทำให้ลูกทีมทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของงานร่วมกันกับทีม ด้วยการสร้างบทสนทนาที่เปิดโอกาสให้ลูกทีมแสดงความคิดเห็นร่วมกัน การสร้างบทสนทนารูปแบบนี้ผู้นำจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนการตั้งคำถามที่กระตุ้นให้เกิดการคิดวิเคราะห์ การแบ่งปันแรงบันดาลใจ เปิดโอกาสให้ทีมช่วยกันระบุปัญหา และวิธีการแก้ปัญหา เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันระบุเป้าหมายที่ชัดเจนให้ทีม
และ #Execute การตั้งเป้าหมายและกำหนดแผนการต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะจะสามารถสร้างความเชื่อใจและความเข้าใจระหว่างทุกคนในทีม สร้างแรงจูงใจในการทำงานร่วมกัน และสร้างแรงผลักดันให้องค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง
เริ่มต้นเทรนนิ่งน้องใหม่ให้เป็นงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เรียนรู้ทักษะการเป็นผู้นำแบบ The e3 Leader ที่ YourNextU ได้แล้ววันนี้ คลิกเลย