คนเก่ง ใครๆ ก็อยากมีในองค์กร แต่คำว่า เก่ง จะให้ใครเป็นคนพูด เราจะพูดเอง มันจะเก่งจริงหรือเปล่า?? เรื่องของ การทำงาน หลายคนอาจเสนอหน้า มากกว่าเสนองานด้วยซ้ำ เจอมามากมาย โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ในประเทศไทย บางที่มีแต่คนพูด คนทำมักไม่ค่อยได้พูด และเจ้านายก็มักจะเชื่อแต่คนพูด เพียงเพราะเค้าพูดเก่ง นี่หรือคือ พนักงานบริษัท
TOPPIC Time มองว่า…มันไม่แฟร์เลยจริงๆ เพราะคนทำงาน มองที่ความสำเร็จและภาพรวมขององค์กร แต่คนพูด คนพรีเซนต์เก่ง มักมองแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เสนอหน้าจริงๆ งานการไม่ทำนะคะคนพวกนี้ (จริงมั้ย?)
หากใครกำลังอยู่ในองค์กรแบบนั้น แนะนำให้ลาออกค่ะ อยู่ไปก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะผู้บริหารเอง อาจไม่ได้สนใจ ความเก่ง ของคุณ เราไปอยู่ในที่ๆ เรามีคุณค่า และสามารถแสดง ความเก่ง ออกมาให้ ทุกคนยอมรับกันดีกว่า หนึ่งในนั้นคือ เน็ตฟลิกซ์ Netflix เมื่อเราอยู่ในที่ๆ ใช่ เรายังอยากพัฒนาองค์กรให้เก่งอีกด้วย
พัฒนาองค์กรให้เก่งแบบ NETFLIX ทำอย่างไร? อ้างอิงบทความจาก ซีแอค (SEAC) ผู้นำด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้างคน หมายถึง การส่งเสริมให้พนักงาน หรือ คนเก่ง ของเราได้โชว์ศัพยภาพที่มี เพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุดต่อตัวพนักงานเอง และองค์กรของคุณ
เน็ตฟลิกซ์ Netflix แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงยอดฮิต ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านบัญชีทั่วโลก รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของเน็ตฟลิกซ์ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการวางรากฐานวัฒนธรรมองค์กร ที่มีชื่อเรียกว่า ‘Freedom and Responsibility’ มาตั้งแต่ปี 2009
“รีด ฮาสติงส์” (Reed Hastings) ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารของเน็ตฟลิกซ์ มองว่า “ทรัพยากรบุคคล” จะกลายเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ต่างจากทรัพย์สินมีมูลค่าอื่นๆ ของบริษัท และยิ่งถ้าองค์กรต้องการ คนเก่ง เข้ามาทำงานด้วยแล้ว ความชัดเจนของวัฒนธรรมองค์กร จะช่วยให้พนักงานเข้าใจองค์กร และก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ และนี่คือตัวอย่างที่น่าสนใจ ที่จะช่วยให้องค์กรคราฟต์ คนเก่ง แบบ เน็ตฟลิกซ์
3 วิธีดราฟต์ คนเก่ง สไตล์ NETFLIX (เน็ตฟลิกซ์)
1. พนักงานต้องเข้าใจธุรกิจ ไม่ต่างไปจาก CEO
เน็ตฟลิกซ์ เชื่อว่า ความสำเร็จของธุรกิจ จะคงอยู่อย่างยั่งยืนได้ ต้องมาจากแรงขับเคลื่อนองค์กร ที่เกิดมาจากทุกคนในองค์กรนั้น เข้าใจธุรกิจที่ทำอยู่อย่างแท้จริง
พนักงานของ เน็ตฟลิกซ์ จึงต้องมีความกระหายรู้ หรือที่เรียกว่า Curiosity อยู่ตลอดเวลา และคนที่จะมาเป็นพนักงานเน็ตฟลิกซ์จะต้องรู้ทุกซอกทุกมุมของแพลตฟอร์ม ที่เป็นเสมือนสินค้าและบริหารของบริษัท
เพราะเมื่อพนักงานเกิดความเข้าใจในธุรกิจอย่างถ่องแท้แล้ว การคิดค้นพัฒนาต่อยอดความสำเร็จธุรกิจ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นตามไปด้วย
2.เรียนรู้การให้ฟีดแบ็ก อย่างตรงไปตรงมาภายในทีม
ฟังดูเหมือนง่าย แต่หลายองค์กรก็มักจะทำไม่ได้ เพราะด้วยความที่ไม่ใส่ใจกับมันมากพอ
เน็ตฟลิกซ์ สร้างบรรยากาศในการฟีดแบ็ก (Feedback) สนับสนุนให้พนักงานพูดอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความซื่อสัตย์ ภายใต้ความซื่อสัตย์ที่ว่านี้ ต้องไม่มีเรื่องการเมืองในที่ทำงาน หรือความเกรงใจด้านตำแหน่งงาน คือ
– ผู้นำทีมฟีดแบ็กลูกทีมก็ได้
– ลูกทีมฟีดแบ็กผู้นำทีมก็ได้
– หรือคนในทีมฟีดแบ็กกันเองก็ยังได้
การฟีดแบ็กในองค์กร เน็ตฟลิกซ์ จึงเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเคารพ และยอมรับในความคิดเห็นต่าง โดยฝั่งผู้พูดจะใช้ทักษะการสื่อสารที่กระชับและชัดเจน และผู้ฟัง ก็จะใช้ทักษะการฟัง เพื่อทำความเข้าใจ มากกว่าที่จะพูดตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว
วิธีการนี้เน็ตฟลิกซ์เชื่อว่า จะช่วยสร้างการเรียนรู้ ให้เกิดขึ้นภายในทีมได้อย่างรวดเร็ว
3.ให้อิสระในการทำงาน และไม่เน้นชั่วโมงการทำงาน แต่เน้นความสำเร็จของงาน
รู้หรือไม่ว่า พนักงานเน็ตฟลิกซ์ สามารถลาพักร้อนได้อย่างไม่มีจำกัด
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ เน็ตฟลิกซ์ มองว่า ระยะเวลาการทำงาน ไม่ใช่ตัวกำหนดความสำเร็จของธุรกิจ และความสำเร็จใหม่ๆ ของธุรกิจ อาจจะมาจากไอเดียที่เกิดขึ้นตอนพักผ่อนก็เป็นได้ แต่ก็หมายความว่า พนักงานก็ต้องรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่ดีด้วย
ความเป็นอิสระในการทำงานของเน็ตฟลิกซ์ ไม่เพียงสร้างความแปลกใหม่ในวงการธุรกิจ แต่ยังช่วยคัดกรองพนักงานตัวจริง หรือ คนเก่ง ให้กับเน็ตฟลิกซ์ได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย
การสร้างอัตราเสนองาน ให้มากกว่าเสนอหน้า คือจุดแข็งมากๆ ของเน็ตฟลิกซ์ เพราะทุกคนมีจุดหมายเดียวกัน และไม่มีใครเอาเปรียบใครทั้งสิ้น
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า เน็ตฟลิกซ์ กำลังสร้าง คนเก่ง ที่ไม่ได้เก่งงานเพียงแค่คนเดียว แต่ยังปรับเลนส์การมองโลกการทำงาน ให้พนักงานทั้งองค์กร ช่วยกันพัฒนาความเก่งไปพร้อมกัน
และเมื่อพนักงานมองเห็นความสำเร็จขององค์กร ไม่ต่างไปจากความสำเร็จของตนเอง นั่นก็สะท้อนได้ถึง ‘Outward Mindset’ ขององค์กรได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดย Outward Mindset ที่ว่านี้ ก็คือแนวคิดการทำงานเป็นทีม ที่จะช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถซึ่งกันและกันได้ และพร้อมจะเติบโตไปด้วยกันทั้งองค์กร
เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อพนักงานเข้าใจเป้าหมายขององค์กร ไปพร้อมกับการมุ่งสู่เป้าหมายของแต่ละคนแล้วนั้น องค์กรก็จะสามารถทยานสู่ความยิ่งใหญ่ ได้เหมือนกับ Netflix นั่นเอง
เรื่องราวที่ TOPPIC Time นำมาเสนอในวันนี้ เชื่อเหลือเกินว่า…มีประโยชน์เหลือเกิน อ่านจบแล้ว…ไปค่ะ…ไปทำงานที่เรารัก!!!