ต้อนรับวันสิ่งแวดล้อมโลก “หลุยส์ เฮส” นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESF : Environmental and Social Foundation) เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่งาน “เยาวชนไทยขับเคลื่อนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์สารคดีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สร้างสรรค์โดยเยาวชนคนรุ่นใหม่
นอกจากบทบาทหน้าที่ด้านงานแสดงที่มีผลงานให้เห็นกันอย่างต่อเนื่องแล้ว ล่าสุดนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “หลุยส์ เฮส” ที่ได้ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESF) ได้เข้าร่วมงานกิจกรรม เยาวชนไทยขับเคลื่อนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม WORLD ENVIRONMENT DAY POWER OF THE YOUTH WILDLIFE GUARDIANS ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESF) ในวันสิ่งแวดล้อมโลก พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์สารคดีชุด ‘The Youth Wildlife Guardian’ เกี่ยวกับเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจซึ่งสร้างสรรค์โดยกลุ่มเยาวชนไทย ‘Youth Wildlife Guardian’ กลุ่มเยาวชนที่มีความหลงใหลในธรรมชาติและสัตว์ป่าผู้มีความประสงค์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิฯ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเจตจํานงในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้สืบต่อไป
โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาร่วมกล่าวเปิดงานว่า “ผมขอแสดงความชื่นชมมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESF) และนักเรียนในโครงการ Youth Wildlife Guardian ที่ได้จัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลกมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์เพื่อสร้างโอกาสการรับรู้ถึงสถานการณ์ของสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่หายาก ร่วมทั้งรณรงค์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้
เพราะการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ใช่เรื่องของภาคส่วนใดเป็นการเฉพาะ แต่เป็นเรื่องของทุกคนไม่ว่าจะเป็น ‘ภาครัฐ’ ที่ต้องจริงจังกับการบังคับใช้กฎกติกา ‘เอกชน’ ที่ต้องจริงใจกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ‘ภาคประชาสังคม’ ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันรณรงค์เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น ดังนั้น พลังของเยาวชนรุ่นใหม่จึงเป็นส่วนที่สำคัญยิ่งในภารกิจนี้ เพราะพวกเขาจะสามารถเป็นกระบอกเสียงที่ส่งต่อความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้ และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยกันส่งเสริมพลังของพวกเขาต่อไป”
ดร.อลงกต ชูแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESF) กล่าวว่า “เราเป็นองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงผลักดันต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและใช้ศาสตร์ของสิ่งแวดล้อมศึกษาเป็นตัวกลางในการสื่อสาร โดยครั้งนี้กลุ่มเยาวชน Youth Wildlife Guardian ทั้ง 26 คน ได้สร้างภาพยนตร์สารคดีชุด The Youth Wildlife Guardian ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่เด็กๆ มีความสนใจ และอยากจะส่งต่อเรื่องราวเหล่านั้นให้คนอื่นได้รู้จักและเรียนรู้ไปด้วยกัน โดยภาพยนตร์สารคดีแต่ละเรื่องเด็กๆ ได้ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และความพิเศษในแบบของตัวเองโดยมีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือ เพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกที่อาศัยร่วมกันในบ้านหลังเดียวกัน”
ด้านแบรนด์แอมบาสเดอร์มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESF) “หลุยส์ เฮส” เสริมว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและช่วยกันอนุรักษ์ให้สิ่งเหล่านี้ไม่หายไป เพราะเราเองก็เป็นคนชอบท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ศึกษาความงดงามของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และรู้สึกหลงรักในทุกครั้งที่ได้ออกเดินทาง ก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นต้องสูญพันธุ์คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ซึ่งในโปรเจ็คภาพยนตร์สารคดีที่ได้กลุ่มเยาวชน Youth Wildlife Guardian มาร่วมกันสร้างสรรค์นั้น เรารู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมากที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนี้ อีกทั้งยังสามารถส่งต่อความรู้และประสบการณ์ที่พวกเขาได้สัมผัสไปยังเด็กคนอื่นๆ ได้ โดยหลังจากเปิดตัวภาพยนตร์สารคดีนี้ ทางมูลนิธิฯ และเด็กๆ จำนวน 26 คน จะออกเดินทางทั่วประเทศเป็นเวลา 10 เดือนโดยรถ Environment Education Unit เพื่อเดินทางไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศไทยและเผยแพร่ภาพยนตร์สารคดีเหล่านี้ให้กับคนรุ่นใหม่”
นอกจากนี้ตัวแทนเยาวชนจากกลุ่ม Youth Wildlife Guardian ยังได้กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สารคดี เริ่มจาก เด็กชายทิศธรรม์ กาญจนพาสน์ (น้องทริสตั้น) จากโรงเรียนบางกอกพัฒนา Year 10 เจ้าของภาพยนตร์เรื่อง ‘The Nicobar Pigeon’ กล่าวว่า “ผมเคยไปค่ายแล้วมีโอกาสได้ไปขึ้นเกาะที่สิมิลันแล้วบังเอิญไปเจอนกชาปีไหน แล้วรู้สึกว่ามันสวยและน่าสนใจมากๆ จากนั้นผมก็เริ่มสนใจเกี่ยวกับนก พอมีโอกาสได้ทำสารคดีก็เลยเลือกทำเกี่ยวนกชาปีไหนเพราะเป็นนกที่ชื่นชอบและเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมศึกษาเกี่ยวกับนก ซึ่งนกชาปีไหนเป็นนกที่มีขนาดเท่าไก่แจ้ และเป็นนกชนิดเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในสกุล Caloenas ซึ่งสายพันธุ์อื่นทั้งหมดสูญพันธุ์ไปแล้ว สำหรับผมนกชาปีไหนเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากเลยอยากให้ทุกคนได้รู้จักนกชาปีไหนมากขึ้นและช่วยกันอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตนี้เอาไว้ เพื่อธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์สืบต่อไป”
เด็กหญิงนัจภัค นิ่งเจริญ (น้องอันนา) จากโรงเรียน DBS Denla British School Year 9 เจ้าของเรื่อง ‘The Wonders of Rhinoceros Hornbill’ เผยว่า “นกเงือกหัวแรดเป็นนกที่รูปร่างสวยและหายากเพราะถูกเอาไปขาย แต่นอกจากความสวยงามยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์พืชและรักษาสมดุลของระบบนิเวศอีกด้วย และนกที่สวยงามเหล่านี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงและการเพาะพันธุ์นกชนิดนี้นอกสภาพธรรมชาติอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สามารถทำได้ หนูอยากให้นกมีมากขึ้นเพื่อช่วยรักษาระบบนิเวศเพราะตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องโลกร้อน นกพวกนี้สามารถเป็นตัวช่วยให้ฟื้นฟูป่าได้ อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญในอนาคตมากๆ ภาวะโลกร้อนจะส่งผลเสียรอบตัวเรา การที่มีสัตว์ที่สามารถช่วยฟื้นฟูป่าได้จะช่วยให้ลดโลกร้อนและอนาคตจะค่อยๆ ดีขึ้น”